การพบปะกันระหว่างหนุ่มสาวกะเหรี่ยงจะอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่ เมื่อชายหนุ่มต้องตาต้องใจหญิงสาวคนใดเขาจะเตรียมแคนและออกไปเที่ยวในหมู่บ้านของฝ่ายหญิงที่ตนหมายปองหลังจากพระอาทิตย์ตก ประเพณีย่องสาวเริ่มขึ้นเมื่อหญิงนอนหลับ ชายหนุ่มจะเรียก พี่สาวหรือพี่สะใภ้ของหญิงให้มาเปิดประตู หลังจากนั้นพี่สาวของหญิงจึงเข้าไปดูว่าหญิงนอน เรียบร้อยหรือไม่แล้วจึงมาบอกชายหนุ่ม
ถึงเวลานี้ชายหนุ่มจะค่อยย่องเข้าไปในห้องเพื่อปลุกสาวเจ้าขึ้นมาคุย โดยจะกระตุกที่นิ้วโป้งเท้าเบา ๆ หรือสะกิดที่เอวจนสาวตื่นขึ้นมาแล้วจัดการม้วนเสื่อที่ตนนอนอยู่นั้นให้เรียบร้อยเสียก่อน ทั้งนี้เพราะผู้ชายกะเหรี่ยงสมัยก่อนมักจะเล่าเรียนวิชาอาคมถือว่าเสื่อที่ผู้หญิงนอนนั้นเป็นของไม่สะอาด เพราะผู้หญิงบางคนอาจกำลังมีประจำเดือนอยู่ จะทำให้คาถาอาคมเสื่อม
เมื่อเก็บเสื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะเริ่มเกี้ยวพาราสี โดยที่ฝ่ายสาวจะเป็นผู้ถามก่อนว่า "มาทำไม" ชายหนุ่มจะตอบตามประสงค์ของตนแล้วพูดคุยเรื่องอื่น ๆ กันสักพัก เมื่อจะลากันฝ่ายสาวจะเป็นคนบอกให้ผู้ชายกลับ โดยสาวจะไล่หนุ่มถึงสามครั้งแล้วจึงกลับได้ การออกปากไล่จะต้องทำให้ครบสามครั้งถ้าไล่เพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งจะถือว่าไม่ดีเป็นอาเพศ
การพบกันในครั้งแรกนี้ถ้าฝ่ายสาวเกิดไม่พอใจผู้ชายก็จะบอกให้รู้เสีย ฝ่ายชายจะได้ไม่ต้องกลับมาอีกแต่ถ้าทั้งคู่เกิดชอบพอกัน ฝ่ายชายจะกลับมาย่องสาวให้ครบสามคืน และจะมาติดกันทุกคืนหรือเว้นวันก็ได้
ตามธรรมเนียมแล้วหญิงสาวชาวกะเหรี่ยงจะไม่รับรักชายหนุ่มในวันที่หนึ่ง และวันที่สองของพิธีการเพราะจะถือว่าใจง่ายเกินไป แต่ก็จะพูดคุยแสดงให้เห็นว่าชอบพออยู่เช่นกัน เมื่อเป็นอย่างนั้นในคืนที่สามฝ่ายชายจะต้องเตรียมสร้อยคอหรือแหวนไปให้สาวเพื่อเป็นตัวแทนเอาไว้ดูต่างหน้า ฝ่ายหญิงรับของก็จะถือว่าเป็นการหมั้นหมายเอาไว้ก่อน
พอพิธีการย่องสาวครบสามคืนแล้ว พ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็จะจุดตะเกียงและให้ผู้ชายมาพูดคุยแล้วจึงถามว่าชอบ ลูกสาวของตนจริงไหม รักกันจริงไหม และจะตกลงแต่งงานกันหรือเปล่า หรือแค่มาเล่น ๆ ไม่รักจริงจัง ถ้าเพียงแค่มาเล่น ๆ พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็จะบอกไม่ให้มาอีกแต่ถ้าตกลงแต่งงานกันก็ให้กลับไปบอกพ่อแม่ของตนให้รับรู้เอาไว้
เมื่อถึงเวลาพ่อแม่ของฝ่ายหญิงจะไปพบกับพ่อแม่ของฝ่ายชาย แต่ถ้าไปเองไม่ได้จะส่งตัวแทนไป เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วพ่อแม่ฝ่ายชายจะมาทำพิธีสู่ขอ ในวันสู่ขอจะมีการพูดคุยเจรจาตกลงกันด้วยวาจาเพื่อนัดวันเวลาที่จะจัดพิธีแต่งงาน โดยมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านมาเป็นพยานรับรู้ด้วย ในกรณีที่ผู้ชายเกิดผิดสัญญาไม่ยอมแต่งงานหลังจากที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ฝ่ายชายจะต้องถูกปรับเสียผี โดยจะเสียค่าปรับตั้งแต่ ๕ - ๑๐ บาท และจะถูกว่ากล่าวตักเตือนว่าอย่าได้ทำอย่างนี้อีก
พิธีการแต่งงานของชาวกะเหรี่ยงนิยมจัดกันในเดือน ๔ - ๕ และเดือน ๑๒ ของทุกปี และจะจัดงานกันตอนช่วงเวลาเย็น ๆ ของที่นำมาใช้ในพิธีฝ่ายชายจะต้องเตรียมถุงย่ามที่แม่ฝ่ายชายทอให้ หมอน ขันน้ำ ชามกินข้าวอย่างละ ๑ ใบ ในวันงานเจ้าบ่าวจะแต่งชุดที่เรียกว่า "ทู่มูเคอะ" ขณะเดินมาบ้านเจ้าสาว เพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวจะหักกิ่งไม้ และนำมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านของเจ้าสาวเพื่อให้ฝ่ายชายเก็บ ขณะที่บ้านฝ่ายหญิงจะเตรียมน้ำสำหรับล้างข้อมือข้อเท้าให้ฝ่ายชายก่อนขึ้นบ้าน และมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งถือขันขมิ้นไว้บนบ้านเมื่อเดินทางมาถึงบ้าน เจ้าสาวจะนำหมากบุหรี่ยื่นให้ฝ่ายชาย หลังจากนั้นผู้อาวุโสจึงผูกแขนให้บ่าวสาว และกินข้าวร่วมกัน ช่วงนี้บ่าวสาวจะเรียกหนุ่มสาวที่ไม่ใช่ญาติของตนมาร่วมกินข้าวด้วย จากนั้นเมื่อบ่าวสาวและเพื่อนบ่าวสาวที่ร่วมพิธีกินข้าวหมด หนุ่มสาวที่บ่าวสาวเลือกจะทุ่มหม้อข้าวที่ตนกินให้แตก เพื่อให้คู่บ่าวสาวเก็บเศษหม้อไห ต่อมาบ่าวสาวต้องเลี้ยงเหล้าผู้มาร่วมงาน หลังจากนั้นจึงแยกย้ายกลับบ้าน